บทความเรื่อง :: สนามบินสุวรรณภูมิ..ศูนย์กลางการบินแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
 


โดยธนิต  โสรัตน์ / ประธานกรรมการ V-SERVE GROUP 

            วันพฤหัสบดีที่ 28 กันยายน 2549 คงเป็นวันแห่งประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ซึ่งสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิจะได้ฤกษ์เปิดอย่างเป็นทางการ ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาจะมีปัญหาอุปสรรคต่างๆทั้งที่เกี่ยวกับวิกฤติทางเศรษฐกิจ ปัญหาทางเทคนิคด้านการก่อสร้างทั้งตัวอาคารและสนามบิน รวมถึงปัญหาการชงักงันทางการเมือง จนถึงเมื่อเวลาใกล้จะเปิด ก็ยังมีหลายฝ่ายซึ่งรวมทั้งพนักงานของสายการบินไทยเองก็ออกมาทำนองยังไม่พร้อมที่จะย้าย อย่างไรก็ตาม สนามบินสุวรรณภูมิคงเปิดตามกำหนดเวลาค่อนข้างแน่นอน เอาเป็นว่าเป็นการเปิดฤกษ์เอาชัยก่อนเลือกตั้งทั่วไปในช่วงกลางเดือนตุลาคม ศกนี้ (หากไม่มีการเลื่อน) โดยสนามบินสุวรรณภูมิจะมีส่วนส่งเสริมต่อการเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาค

            ทั้งนี้ การขนส่งทางอากาศนับว่าเป็นการขนส่งที่มีบทบาทสำคัญต่อระบบโลจิสติกส์  โดยการขนส่งระหว่างประเทศของไทยมีประมาณ 0.2% ของปริมาณการขนส่ง สินค้าส่วนใหญ่จะเป็นสินค้า Perishable Product คือ สินค้าที่เสียหาย เน่าเสียได้ง่าย นอกจากนั้นก็เป็นสินค้าราคาแพงหรือสินค้าที่ต้องการขนส่งแบบเร่งด่วน ถึงแม้ว่าการขนส่งทางอากาศจะสามารถขนส่งได้ในประมาณที่ไม่มากเมื่อเทียบกับการขนส่งอื่น ๆ  เช่น  การขนส่งทางเรือ  และ  การขนส่งทางรถไฟ  แต่การขนส่งทางอากาศก็มีบทบาทเพิ่มมากขึ้น  เนื่องจากเป็นการขนส่งที่มีความสะดวกและรวดเร็ว  มีตารางการบินที่สม่ำเสมอและตรงเวลา  สามารถส่งสินค้าไปได้ทั่วทุกมุมโลก  เพราะมีสายการบิน  ต่าง ๆ  บินไปยังทุกประเทศ  นอกจากนี้ยังมีอัตราเสี่ยงต่อความเสียหายของตัวสินค้าในระหว่าง ขนส่งที่ต่ำ  ปัจจุบันประเทศไทยใช้การขนส่งทางอากาศในการขนส่งสินค้าส่งออกมากขึ้น  จาก  357,000  ตัน  ในปี  พ.ศ. 2546  เป็น  401,000  ตัน  ในปี  พ.ศ.  2547  (เพิ่มขึ้นร้อยละ  12.3)  แต่การขนส่งสินค้านำเข้ากลับมีอัตราน้อยลง  จาก  969,000  ตัน  ในปี  พ.ศ. 2546  เป็น  490,000  ตัน  ในปี  พ.ศ. 2547   โดยสินค้าที่มีการขนส่งทางอากาศส่วนใหญ่   จะได้แก่ สินค้าประเภทอิเล็กทรอนิกส์ , สินค้าสดหรือเสียหายง่าย เช่น ดอกไม้ , ผลไม้ , สินค้าที่มีมูลค่าสูง , สินค้าที่มีขนาดเล็ก และสินค้าเร่งด่วน ที่ต้องการความรวดเร็วในการส่งมอบ

              สำหรับประเทศไทยได้มีการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยงบประมาณลงทุนก่อสร้างทั้งภายในและภายนอกรวมทั้งสิ้น 150,000 ล้านบาท บนพื้นที่ 20,000 ไร่ ซึ่งใหญ่กว่าพื้นที่สนามบินดอนเมืองราว 6 เท่า ได้นำมาสู่ศักยภาพของสนามบินสุวรรณภูมิแห่งนี้ที่มีพื้นที่ใช้สอยภายในอาคารมากกว่า 570,000 ตารางเมตร ซึ่งถือว่าใหญ่กว่าสนามบินแห่งอื่น ๆ ในภูมิภาคเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นสนามบินเช็คเล็ปก๊อกของฮ่องกง หรือ สนามบินชางฮีของสิงคโปร์ โดยมีขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารได้กว่า 45 ล้านคนต่อปี ขีดความสามารถในการรองรับเครื่องบินได้ถึง 120 หลุมจอด มีรันเวย์ที่สามารถให้บริการเครื่องขึ้น-ลงได้พร้อมกันทันที 2 รันเวย์ ด้วยความยาวของรันเวย์ที่มากถึง 4,000 เมตร ซึ่งสามารถรองรับเครื่องบินขนาดใหญ่อย่างแอร์บัส A-380 อากาศยานขนาดใหญ่ได้อย่างไม่มีปัญหา รับเที่ยวบินได้ถึง 76 เที่ยวบิน/ชั่วโมง และ ให้บริการขนถ่ายสินค้าทางอากาศได้ 3 ล้านตัน/ปี ในทันที ทั้งยังสามารถขยายไปถึง 6 ล้านตันต่อปี กล่าวได้ว่าจะเป็นระบบมาตรฐานที่ทันสมัยมากที่สุดของโลกอีกแห่งหนึ่งในปัจจุบัน โดยในเอเชียมีเพียงสนามบินนานาชาติอินชอนของเกาหลีใต้เท่านั้นที่มีความทันสมัยเทียบเท่ากับสนามบินในสหรัฐฯ โดยประเทศไทยต้องการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้เป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งทางอากาศในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดให้โครงการดังกล่าวเป็นวาระแห่งชาติ และคาดหวังว่าจะช่วยส่งเสริมและพัฒนาความเจริญด้านเศรษฐกิจ สังคม และการท่องเที่ยวของประเทศ ในระยะแรกสามารถให้บริการขนส่งสินค้าได้ 3 ล้านตันต่อปี โดยให้บริการแบบเขตปลอดพิธีการศุลกากร (Free Zone) ตลอด 24 ชั่วโมง และสามารถขยายความสามารถในการให้บริการได้สูงสุดถึง 6.4 ล้านตันต่อปี อย่างไรก็ดี ยังมีการพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางการพาณิชย์ โดยการพัฒนาสาธารณูปโภคและการให้บริการอื่นๆ เช่น โรงแรม ศูนย์บริการรถเช่า ร้านค้า ศูนย์กลางค้า ภัตตาคาร สถานีเติมน้ำมัน  ซึ่งรัฐบาลได้มีนโยบายในการจัดตั้งนครสุวรรณภูมิ เพื่อให้เป็น Logistics City ของประเทศไทย โดยแยกเขตลาดกระบังและบางส่วนของเขตประเวศ และบางส่วนของจังหวัดสมุทรปราการ อำเภอบางพลี แยกออกเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อส่งเสริมการเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาค 

               อย่างไรก็ตาม การที่จะให้เป็น Logistics City ได้จริงนั้นคงจะต้องมีอะไรทำมากมาย เพราะไม่ใช่เพียงภาครัฐมีการออกผังเมืองหรือมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานประการสำคัญ การที่จะเป็น Logistics City ได้นั้นจะต้องมีการสนับสนุนให้มีอุตสาหกรรมบริวารในลักษณะที่เป็นอุตสาหกรรมเบา รวมถึง จัดให้มีศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าทางอากาศ ซึ่งการที่จะเป็นไปได้ก็คงจะต้องมีการไปแก้กฎหมายหลายฉบับที่ไม่เอื้ออำนวย เช่น กฎหมาย VAT ของกรมศุลกากรที่มีการเรียกเก็บภาษีซ้ำซ้อนกับผู้ให้บริการ Logistics Provider ที่มีการนำสินค้าเข้ามาเก็บในศูนย์กระจายสินค้า ทั้งนี้ การที่ประเทศไทยจะเป็นศูนย์การขนส่งทางอากาศของภูมิภาคได้ ปัจจัยสำคัญไม่ได้ขึ้นอยู่กับการที่มีสนามบินขนาดใหญ่แต่เพียงอย่างเดียว สายการบินแห่งชาติของไทย คือ การบินไทยคงจะยิ่งพัฒนาให้มากขึ้น ด้าน Aviation Cargoes โดยให้มีเครื่องบินประเภทขนส่งทางอากาศประเภท Flightier ซึ่งทั้งประเทศสิงคโปร์ ประเทศมาเลเซีย ล้วนแต่มีหลายสิบลำ สำหรับประเทศไทยยังไม่มีแอร์คาร์โก้เลย ซึ่งทั้งหมดนี้คงต้องกำหนดเป็นยุทธศาสตร์ของชาติที่ทำให้สนามบินสุวรรณภูมิเป็น Airport HUB
 
               จากศักยภาพทางภูมิศาสตร์ และ สิ่งอำนวยความสะดวก ตลอดจน ความมุ่งมั่นในการสรรสร้างสนามบินสุวรรณภูมิให้มีมาตรฐานเทียบเท่าระดับแนวหน้าของโลก หลายฝ่ายจึงมุ่งเป้าหมายการก้าวกระโดดเป็น “ ศูนย์กลางการบิน การขนส่งทางอากาศ แห่งเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ ”  อย่างไรเสีย สนามบินแห่งนี้คงไม่ใช่ของพรรคการเมืองใด แต่เป็นของคนไทยทั้งประเทศ ไม่อยากให้นำประเด็นทางการเมืองเข้ามาจนเป็นการทำลายเครดิตของสนามบินสุวรรณภูมิ คงต้องช่วยกันเป็นกำลังใจและสนับสนุนให้การดำเนินการเปิดสนามบินเป็นไปด้วยความราบรื่น หากคนไทยยังไม่เชื่อและไม่เชียร์กันเองแล้วจะหวังให้ใครเขาเชื่อถือ...


ไฟล์ประกอบ ไม่มีไฟล์


วันที่ 27-04-2007  

 
หน้าหลัก