นายเมตตา บันเทิงสุข อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยหลังเป็นประธานการประชุมเพื่อหารือเกี่ยวกับการปฏิบัติและรับชดเชยกรณีปรับลดสรรพสามิตว่า ขณะนี้ได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมความพร้อมในการตรวจเช็กสต๊อกน้ำมันคงเหลือทั่วประเทศ ก่อนที่จะลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันวันที่ 25 ก.ค. เนื่องจากจะต้องจ่ายเงินชดเชยราคาส่วนต่างหลังรับลดภาษีแล้วให้กับคลังน้ำมันกว่า 100 แห่ง และปั๊มน้ำมัน 1.5 หมื่นแห่งทั่วประเทศ

ทั้งนี้ เบื้องต้นกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะต้องรับหน้าที่จ่ายชดเชยราคาส่วนต่าง โดยคำนวณจากปริมาณน้ำมันคงเหลือภาวะปกติจะอยู่ที่ 3 วันของยอดขาย หรือเทียบเท่าปริมาณน้ำมัน 210 ล้านลิตร คิดเป็นวงเงิน 500-600 ล้านบาท ซึ่งเงินดังกล่าวจะไม่สร้างภาระให้กับกองทุนน้ำมันฯ เนื่องจากหลังหมดระยะเวลาของการปรับลดภาษีในวันที่ 31 ม.ค. 2552 แล้ว จะมีการตรวจสต๊อกน้ำมันอีกครั้งเพื่อเรียกเก็บภาษีสรรพสามิต ในส่วนน้ำมันที่เหลือค้างสต๊อก คืนสู่กองทุนน้ำมัน ดังนั้นกองทุนน้ำมันฯ จะไม่สูญเสียเงิน เป็นเพียงการจ่ายเฉพาะส่วนที่ค้างสต๊อกเท่านั้น.

“การประชุมครั้งนี้เพื่อทำความเข้าใจกับผู้ค้าน้ำมันถึงแนวทางปฏิบัติและการจ่ายเงินชดเชยจากการปรับลดภาษี เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาปั๊มน้ำมันหยุดจำหน่ายหรือเร่งจำหน่ายน้ำมันในล็อตเก่าจนหมด และทำให้เกิดการขาดแคลนในวันที่จำหน่ายน้ำมันราคาใหม่หลังปรับลดภาษีแล้ว” นายเมตตา กล่าว

สำหรับขั้นตอนการตรวจเช็กสต๊อกน้ำมันคงเหลือ ทางกรมธุรกิจพลังงานจะรับผิดชอบในเขต กทม. ร่วมกับกรมการค้าภายใน และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนพื้นที่ในต่างจังหวัดจะมีคณะทำงานของผู้ว่าราชการจังหวัด รวมแล้วจะต้องเตรียมเจ้าหน้าที่ 1,700 คน โดยจะใช้เวลาในการรวบรวมตัวเลขปริมาณน้ำมันคงเหลือไม่เกิน 3 วัน

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการปั๊มน้ำมัน ผู้ค้าน้ำมันและสถานีบริการน้ำมัน จะต้องหยุดจำหน่ายน้ำมันเวลา 24.00 น. ของวันที่ 24 ก.ค. เพื่อรอให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสต๊อกน้ำมัน จากนั้นจะจำหน่ายได้ตามปกติในราคาใหม่ หลังลดภาษีแล้วทันทีแก๊สโซฮอล์ทุกประเภทลด 3.88 บาท/ลิตร ไบโอดีเซล บี2 ลด 2.71 บาท/ลิตร และไบโอดีเซล บี5 ลดลง 2.47 บาท/ลิตรสำนักบริหารกองทุนพลังงาน (สบพ.) แจ้งว่า กองทุนน้ำมันฯ มีเงินสดสำรองกว่า 3,000 ล้านบาท เงินไหลเข้าเดือนละกว่า 100 ล้านบาท

Link : http://www.posttoday.com/newsdet.php?sec=news&id=250924